เฉลยข้อสอบใบขับขี่ หมวด เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย (Part 1)


เฉลยแนวข้อสอบใบขับขี่ หมวดเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย ในหมวดนี้จะขอแบ่งเป็น 2 ตอน เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านทำความเข้าใจข้อสอบ และตอนที่ 2 จะเป็นภาพสถานการณ์เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย ที่มีอยู่ในข้อสอบใบขับขี่ และได้รวบรวมเฉพาะข้อที่สำคัญ เรามาเริ่มเก็งข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลยกันเลย

เฉลยข้อสอบใบขับขี่ หมวด เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย (Part 1)

ความรู้แนวสอบใบขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์ หมวด เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย จำนวน 160 ข้อ

  1. การขับรถขณะฝนตก ผู้ขับขี่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
  2. เมื่อเกิดรถเสีย ควรนำรถจอดเข้าข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
  3. สัญญาณเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีแดง ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ
  4. การจับพวงมาลัยรถ นิ้วมือทั้งห้าต้องจับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
  5. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
  6. หากเครื่องยนต์ดับขณะขับรถขึ้นทางลาดชัน ให้เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และติดเครื่องใหม่
  7. หากกระจกบังลมหน้ารถแตกร้าวขณะขับรถ ให้ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
  8. การขับรถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนก่อนเป็นลำดับแรก การเปิดไฟหน้ารถเมื่อต้องเร่งรีบไปทำงาน เป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง
  9. หากขณะขับรถ มีกลิ่นเหม็นไหม้ แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรจอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ค
  10. การหยุดรถบนทางลาดชันอย่างปลอดภัย ให้เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง
  11. การหมุนพวงมาลัยรถขณะจอดรถอยู่กับที่ จะส่งผลให้ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ
  12. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) ให้เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำๆ)
  13. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน (รถไม่ใช้เบรก ABS) จะส่งให้ล้อจะล็อค และรถจะหมุน
  14. หากยางรถแตกขณะขับรถ พวงมาลัยรถจะหนักและรถจะเอียง
  15. หากยางรถแตกหรือระเบิดขณะขับรถ ให้คุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลง และไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน
  16. หากฝากระโปรงหน้ารถเปิดขณะขับรถ ให้ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
  17. วิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร คือ ตัดกระแสไฟหรือหาทางตัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน
  18. การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะส่งผลให้การบังคับพวงมาลัยรถลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก เกิดเหตุฉุกเฉิน    ไม่สามารถใช้คลัทช์และเบรกได้
  19. วิธีการตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ คือ กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างรวดเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค
  20. หากรถเสียหลักลื่นไถลพร้อมเสียการทรงตัว ให้ลดความเร็วรถ จับพวงมาลัยให้มั่น
  21. การจอดรถชิดขอบทาง ล้อหน้าควรอยู่ในลักษณะตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตปาธ
  22. การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่ง มีผลเสียทำให้เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ
  23. การขับรถถอยหลัง ให้ถอยอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง
  24. การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง คือ ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
  25. หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ให้จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน
  26. การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง มือขวาของผู้ขับขี่ควรอยู่ในตำแหน่งเลข 2 และมือซ้ายควรอยู่ในตำแหน่งเลข 10 ของหน้าปัดนาฬิกา
  27. ผู้ขับขี่จะต้องหันหน้ามองไปทางด้านข้างก่อนทำการเปลี่ยนช่องจราจร เพื่อตรวจดูจุดบอดของรถด้านขวา
  28. บริเวณที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในขณะขับรถ คือความหมายที่ถูกต้องของจุดบอด
  29. ถ้าเครื่องดับขณะกำลังเคลื่อนที่ออกจากทางลาดชัน ท่านควรทำการเบรกทันทีเพื่อไม่ให้รถไหล
  30. การขับขี่ขึ้นหรือลงทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ต่ำ
  31. ในการขับขี่ลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ต่ำเพื่อหน่วงความเร็วของรถ
  32. ไม่ควรใช้เบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในขณะขับขี่ลงทางลาดชันเพราะ จะทำให้ผ้าเบรกไหม้
  33. ในการขับขี่ลุยน้ำ ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย
  34. ขณะขับรถลุยน้ำต้องเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ
  35. ท่านควรขับช้าๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควรขณะขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม
  36. หลังจากขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม ท่านควรทดสอบระบบเบรก
  37. ลงทางลาดชันด้วยความปลอดภัย คือประโยชน์สูงสุดของการชะลอรถด้วยเครื่องยนต์ในขณะลงทางลาดชัน
  38. น้ำฝนจะกลายเป็นแผ่นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนน จึงลื่นไถลได้ง่ายขณะฝนตกใหม่ๆ
  39. การขับรถเร็วและกระแทกเบรกรถอย่างรุนแรง ไม่ควรปฏิบัติเมื่อขับขี่ในขณะฝนตกหนัก
  40. สำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืนควรขับให้ช้ากว่าปกติหรือไม่เร็วกว่าสายตาที่มองเห็น
  41. หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณเพื่อเตือนให้รถอื่นทราบ
  42. หากมีผู้บาดเจ็บหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ท่านควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
  43. รถจะประหยัดน้ำมันหากขับด้วยความเร็วคงที่
  44. หากกำลังขับขี่รถอยู่บนถนน แล้วฝนเริ่มตก ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วของรถลง
  45. เมื่อขับรถในเวลากลางคืน ผู้ขับขี่ควรทิ้งระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ
  46. เปิดไฟฉุกเฉินเมื่อรถจอดเสียอยู่บริเวณไหล่ทาง เป็นการใช้ไฟฉุกเฉินได้อย่างเหมาะสม
  47. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) จะมีผลทำให้ล้อจะล็อกและรถอาจจะหมุน
  48. การหยุดรถอย่างกะทันหัน (รถที่ไม่มีระบบเบรก ABS) ควรเหยียบเบรกสลับกับปล่อยเบรกเป็นจังหวะ
  49. ใช้เบรกมือช่วยเป็นการหยุดรถที่ไม่ถูกต้องในการเบรกฉุกเฉิน
  50. หากท่านจอดรถชิดขอบทางทางด้านซ้ายอยู่ และต้องการที่จะเคลื่อนตัวออก ท่านควรมองดูรถที่ตามมาผ่านกระจกมองข้างและกระจกมองหลัง จากนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา
  51. เมื่อฝนเริ่มตกหนักในขณะที่ท่านขับรถอยู่ในเขตที่จำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่านควรชะลอความเร็วลง
  52. การขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป สาเหตุใดต่อไปนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการชนท้าย
  53. การขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้ามากเกินไป จะเกิดปัญหาการจราจรติดขัด
  54. เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่ต้องทิ้งระยะห่างให้เหมาะสมกับความเร็วของรถ
  55. เมื่อรถคันหลังขับตามมาในระยะกระชั้นชิด ควรเพิ่มความเร็ว เป็นการขับขี่ที่ไม่ถูกต้อง
  56. การแซงรถคันหน้าที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกันอย่างถูกต้อง ควรใช้ระยะทางและเวลาในการแซงมากขึ้น
  57. การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้ทัน เป็นการขับรถอย่างปลอดภัย
  58. หากท่านขับรถด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ท่านรู้สึกว่าเร็วเกินไป ท่านควรชะลอความเร็วลงจนท่านคิดว่าปลอดภัย
  59. การเลี้ยวรถที่ทางบังคับเลี้ยว เป็นการขับขี่ในทางลักษณะที่ไม่จำเป็นต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยว
  60. เปิดไฟสูงขณะที่ไม่มีรถสวนทาง เป็นการเปิดไฟสูงในสถานการณ์ที่ถูกต้อง
  61. เมื่อรถของท่านเสียบริเวณกลางถนน ท่านควรเปิดไฟฉุกเฉินและนำรถจอดเข้าข้างทาง
  62. เมื่อรถของท่านเสียท่านควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน
  63. การเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินตลอดเวลาเพื่อทำให้ผู้ขับขี่คันอื่นเข้าใจว่าเป็นรถที่ขับเร็ว เป็นการกล่าวที่ไม่ถูกต้อง
  64. การหยุดรถในขณะฝนตกจะใช้ระยะทางมากกว่าปกติ
  65. การดื่มสุราก่อนขับรถเป็นปัจจัยที่ทำให้การเบรกด้อยประสิทธิภาพ
  66. หากท่านจอดรถในทางเดินรถหรือบนไหล่ทางในเวลากลางคืน ท่านต้องเปิดไฟหรี่
  67. เมื่อท่านขับรถเข้าใกล้รถที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ
  68. เมื่อท่านขับรถเข้าใกล้รถที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เตรียมพร้อมที่จะหยุดเสมอ
  69. ในการขับขี่ท่านควรหลีกเลี่ยงการขับขี่เร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
  70. เมื่อท่านขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังแล้ว ท่านควรใช้เท้าแตะเบรกเพื่อให้ผ้าเบรกแห้งเร็ว
  71. การขับขี่ผ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
  72. การขับด้วยความเร็วที่ต่ำ เป็นการขับขี่ในบริเวณชุมชนที่ถูกต้อง
  73. ในการขับขี่ภายในชุมชน ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับป้ายโฆษณาข้างทาง
  74. เมื่อขับขี่เข้าใกล้บริเวณทางม้าลายหน้าโรงเรียน ผู้ขับขี่ควรชะลอความเร็วลง
  75. เมื่อขับรถเข้าใกล้บริเวณทางม้าลาย แต่ไม่มีคนข้ามทางม้าลาย ผู้ขับขี่ควรไม่ต้องให้สัญญาณ เพียงชะลอความเร็วลงก็พอ
  76. ตรวจความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักการขับรถอย่างปลอดภัย
  77. หลักการขับรถเข้าโค้งที่ถูกต้องควร ลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง เพิ่มความเร็วขณะออกจากโค้ง
  78. เพื่อความปลอดภัยเมื่อออกรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ประมาณ 3-4 เมตร ควรทดสอบระบบเบรกเป็นอันดับแรก
  79. ข้อควรปฏิบัติขณะขับรถขณะฝนตกคือ เปิดไฟส่องสว่าง
  80. ถ้าขณะขับรถเกิดยางแตกหรือยางระเบิดควรจับพวงมาลัยให้มั่น แล้วค่อยๆ เบรกและนำรถเข้าข้างทาง
  81. ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคันหน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าห่างพอสมควรและสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย จึงจะปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหัน
  82. ขณะขับรถหากเกิดคันเร่งค้างควรตั้งสติ ใช้ปลายเท้างัดคันเร่งขึ้นมา
  83. กรณีรถเสียบนทางด่วน ให้เปิดไฟฉุกเฉิน
  84. การขึ้นและลงเขาให้ใช้เกียร์ต่ำ
  85. การขับรถอย่างปลอดภัย ต้องไม่ขับรถไปชนคันอื่น ไม่เป็นเหตุให้รถคันอื่นชนกัน ป้องกันไม่ให้รถคันอื่นมาชนเรา
  86. ห้ามเปิดไฟสูงขณะที่ขับรถตามคันหน้าหรือรถที่วิ่งสวนทางมา เพราะจะทำให้ผู้ขับรถคันหน้าและรถที่วิ่งสวนทางมามองทางไม่ชัดเจน
  87. การขับรถทางไกลเมื่อรู้สึกว่าตนเองง่วงควร หยุดพัก นอน หรือยืดเส้นยืดสายตามจุดพัก หรือปั๊มน้ำมัน
  88. การขับรถที่ปลอดภัยในขณะที่ฝนตก ต้องทิ้งช่วงห่างจากรถคันหน้า เผื่อไว้มากๆ เปิดไฟหน้า ใช้อัตราความเร็วที่ปลอดภัย
  89. การข้ามทางรถไฟรางคู่ที่ไม่มีเครื่องกั้นเมื่อรถไฟผ่านไปแล้วผู้ขับรถควรระวัง รถไฟที่อาจจะสวนทางมาอีกทางหนึ่ง
  90. การขับรถข้ามทางรถไฟที่ไม่มีเครื่องกั้นเมื่อคันด้านหน้าขับข้ามทางรถไฟไปแล้วท่านควร ตรวจสอบความปลอดภัยอีกครั้งก่อนข้ามทางรถไฟ
  91. เมื่อท่านขับรถที่มีน้ำหนักบรรทุกมาก ประสิทธิภาพของเบรกจะน้อยลง ระยะเบรกจะยาวขึ้น
  92. เมื่อท่านขับรถที่บรรทุกสิ่งของที่มีความสูง จุดศูนย์ถ่วงจะสูงขึ้นทำให้พลิกคว่ำได้ง่าย
  93. ความเหนื่อยล้า สภาพถนนที่เปียก น้ำหนักบรรทุก มีผลต่อระยะการเบรกรถ
  94. ในการขับรถควรใช้คันเร่งควบคุมในการเร่งและชะลอรถให้มากที่สุด
  95. เมื่อรถของท่านจอดเสียกลางถนนหลวง ให้เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินพร้อมไฟหน้ารถ ตั้งสัญลักษณ์แสดงว่ามีรถจอดเสียในระยะ 150 เมตร เปิดฝากระโปรงด้านหน้าและท้ายรถ เพื่อส่งสัญญาณ
  96. ก่อนขับรถ ผู้ขับขี่ที่ดีควรเตรียมความพร้อมของตนเอง โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ
  97. การเตรียมความพร้อมของรถก่อนขับรถ ควรตรวจแรงดันลมยาง,เบรก,น้ำมันหล่อลื่น
  98. เมื่อเกิดรถเสีย ควรเปิดไฟฉุกเฉิน, นำรถจอดเข้าข้างทาง
  99. สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีแดง เป็นสีที่ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ
  100. การจับพวงมาลัยควรอยู่ในลักษณะที่ นิ้วมือทั้งห้าจับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
  101. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
  102. ขณะขับรถ ถ้ากระจกบังลมหน้ารถแตกร้าว ควรตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง
  103. ขณะฝนตกใหม่ๆ รถมักลื่นไถล เพราะน้ำฝนจะกลายเป็นฟิล์มรองรับระหว่างยางกับพื้นถนน
  104. ขณะขับรถเมื่อฝนตกหนัก ไม่ควรเบรกรถอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
  105. เพื่อความปลอดภัยในการขับรถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนเป็นลำดับแรก
  106. ในขณะขับรถลุยน้ำ ผู้ขับขี่ควรเร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย และควบคุมเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ
  107. หลังจากขับรถลุยน้ำ ผ้าเบรกเปียกมีวิธีแก้ไขให้แห้ง โดยขับรถช้าๆ เหยียบเบรกเบาๆ แล้วปล่อยหลายๆ ครั้ง
  108. ขณะขับรถลุยน้ำ สาเหตุที่ต้องเลี้ยงคลัตช์และเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ
  109. ควรเปิดไฟหน้ารถ เมื่อฝนตกหนัก เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะต่ำกว่า 150 เมตร
  110. การขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม ควรขับช้าๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร
  111. เพื่อความปลอดภัยก่อนขับรถ ผู้ขับขี่ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  112. ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุด คือผู้ขับขี่รถ
  113. "นางสมศรีขับรถปฏิบัติตามความพอใจของตัวเอง" เป็นพฤติกรรมการขับรถที่ถือว่าไม่ปลอดภัย
  114. ก่อนออกรถจากไหล่ทางด้านซ้าย ผู้ขับขี่ต้องมองกระจกมองข้างด้านขวา เปิดไฟเลี้ยวขวา พร้อมกับหันศีรษะมองข้ามไหล่ขวาไปทางด้านหลังก่อนออกรถ
  115. ภายหลังออกรถไปประมาณ 3  ถึง 4  เมตร ควรทดสอบระบบเบรก
  116. การขับรถขึ้นทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ต่ำและขับด้วยความระมัดระวัง
  117. ในขณะที่ขับรถอยู่ มีกลิ่นเหม็นไหม้ แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรจอดรถในที่ปลอดภัยแล้ว ตรวจเช็ครถในเบื้องต้น
  118. ขณะขับรถเครื่องยนต์เกิดความร้อนสูง ควรหยุดรถที่ปลอดภัย แล้วปล่อยให้เครื่องเย็นก่อน
  119. ในการขับรถทางไกล ผู้ขับขี่ควรเตรียมความพร้อมของร่างกาย โดยพักผ่อนให้เพียงพอ
  120. การขับรถในทางบังคับเลี้ยว ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลี้ยว
  121. การหมุนพวงมาลัยรถ ขณะจอดรถอยู่กับที่จะทำให้ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ
  122. การหยุดรถอย่างกะทันหัน  (รถไม่มีเบรก ABS)   ควรเหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำๆ)
  123. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน (รถไม่มีเบรก ABS)  ล้อจะล็อก และรถจะไม่สามารถควบคุมได้
  124. ก่อนขับรถเข้าโค้งหรือมุมเลี้ยว ควรควบคุมความเร็วของรถให้เหมาะสมกับโค้งหรือมุมเลี้ยว
  125. ขณะขับรถ ยางรถแตก จะมีอาการ พวงมาลัยหนัก รถจะเอียง
  126. ยางที่หมดอายุจะมีลักษณะมีรอยแตกร้าวตามแนวขอบยาง
  127. ในขณะขับรถ ยางรถแตกหรือระเบิด ผู้ขับขี่ควรคุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน
  128. ในขณะที่กำลังขับรถ ถ้าฝากระโปรงหน้ารถเปิด ผู้ขับขี่ควรลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
  129. เมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือการตัดกระแสไฟ หรือหาทางงัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน
  130. ลมยางล้อหน้าอ่อน จะมีผลทำให้เวลานั่งรู้สึกเหมือนรถจะกระตุกอยู่ตลอดเวลา
  131. การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะมีผลทำให้บังคับพวงมาลัยลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก
  132. การตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ โดยกระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อก
  133. การมองไปยังสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับรถ ไม่ใช่การมองที่ถูกวิธีในขณะขับรถ
  134. การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่ง มีผลทำให้เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ
  135. การขับรถถอยหลัง ควรถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
  136. การตรวจลมยางควรตรวจขณะที่ยางยังเย็นอยู่
  137. การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง คือ ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง -ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-สตาร์ทเครื่องยนต์
  138. ขณะขับรถเมื่อฝนตกหนัก ไม่ควรเบรกรถอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
  139. หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ผู้ขับขี่ควรจอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน
  140. น้ำหนักบรรทุกเพิ่มมากขึ้น ทำให้การหยุดรถต้องใช้ระยะทางมากขึ้นจึงสามารถหยุดรถได้
  141. ขับรถลงทางลาดชัน ไม่ควรใช้เบรกมือ
  142. การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง มือซ้ายและขวาของผู้ขับขี่ ควรอยู่ในตำแหน่งเลข 2  และเลข 10 ของหน้าปัดนาฬิกา
  143. น้ำหนักบรรทุก สภาพพื้นผิวถนน ความเร็วของรถ มีผลให้ระยะการหยุดรถ (ระยะเบรก) ยาวขึ้น
  144. เมื่อรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ ควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน
  145. การฝึกขับรถแบบ “ขับไปพูดไป” มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกสมองให้เกิดสมาธิและสมองทำงานสัมพันธ์กับตา
  146. เมื่อเราเตรียมขับรถแซงรถคันหน้า เราควรให้สัญญาณไฟก่อน
  147. ควรเปิดไฟส่องสว่างขณะขับรถฝ่าหมอกควันหรือฝน
  148. หลังจากขับรถลุยน้ำ เมื่อเราขึ้นที่แห้งแล้วควรทดสอบเบรกหลายๆ ครั้ง
  149. ถ้าขณะขับรถเกิดยางแตกหรือยางระเบิดควรถือพวงมาลัยให้มั่น แล้วค่อยๆ เบรกและนำรถเข้าข้างทาง
  150. ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคันหน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าห่างพอสมควรและสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัย จึงจะปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าหยุด
  151. ห้ามพูดโทรศัพท์ขณะขับรถ ห้ามหยุดหรือจอดรถคุยกันกลางถนน ห้ามแซงซ้ายในที่ห้ามแซงซ้าย
  152. ท่านควรหมุนพวงมาลัยลักษณะ ใช้ระบบดึง-ดันในการเลี้ยงรถ
  153. การขึ้นและลงให้ใช้เกียร์ต่ำ
  154. เมื่อเห็นผู้ขับขี่เกิดอุบัติเหตุควรช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเท่าที่จำเป็น
  155. สาเหตุที่ห้ามเปิดไฟสูงขณะที่ขับรถตามคันหน้าหรือรถที่วิ่งสวนทางมา เพราะจะทำให้ผู้ขับรถคันหน้าและรถที่วิ่งสวนทางมามองทางไม่ชัดเจน
  156. การขับรถทางไกลเมื่อรู้สึกว่าตนเองง่วงควรหยุดพัก นอน หรือยืดเส้นยืดสายตามจุดพัก หรือปั๊มน้ำมัน
  157. เปิดไปฉุกเฉินตลอดเวลา ไม่ใช่วิธีการขับรถที่ปลอดภัยในขณะที่ฝนตก
  158. การฝึกขับรถแบบ “ขับไปพูดไป” มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกสมองให้เกิดสมาธิและสมองทำงานสัมพันธ์กับตา
  159. เมื่อเราเตรียมขับรถแซงรถคันหน้า เราควรดูกระจกก่อนเป็นอันดับแรก
  160. ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคันหน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควรและสามารถหยุดรถได้โดยปลอดภัยจึงจะปลอดภัยเมื่อรถคันหน้าหยุดกะทันหัน


อย่าลืม! อ่าน ตัวอย่างข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลย หมวดเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย และ แบบทดสอบออนไลน์ ข้อสอบใบขับขี่ (เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย) ที่ควรอ่านก่อนสอบใบขับขี่ รับรองผ่านฉลุย!

อ่านเพิ่มเติม :