เฉลยแนวข้อสอบใบขับขี่ หมวดการบำรุงรักษารถ ในการสอบใบขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เราได้รวบรวม แนวข้อสอบใบขับขี่ทุกหมวดไว้ที่นี่ เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษารถ ซึ่งมีในข้อสอบใบขับขี่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เรามาเริ่ม เก็งข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลยกันเลย
ความรู้แนวสอบใบขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์ หมวดการบำรุงรักษารถ จำนวน 126 ข้อ
1. แบตเตอรี่ควรมีฉนวนหุ้มที่ขั้วบวก
2. สาเหตุไฟไม่ชาร์จเข้าแบตเตอรี่เกิดจากไดชาร์จชำรุดหรือสายพานไดชาร์จหย่อนหรือขาด
3. สาเหตุรถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากแบตเตอรี่ไม่มีไฟ
4. การตรวจเช็คแบตเตอรี่แบบง่ายๆ ว่ามีไฟปกติหรือไม่ ควรบีบแตรและฟังเสียงว่าปกติหรือเบาลง
5. ผู้ขับขี่ควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ
6. วิธีใดเป็นวิธีการแก้ไขเบื้องต้นเมื่อเกิดไฟลัดวงจร ควรดับเครื่องยนต์และถอดขั้วแบตเตอรี่ออก
7. ถ้าขั้วแบตเตอรี่มีคราบขี้เกลือ วิธีการแก้ไขคือ ใช้น้ำอุ่นล้างและทาจาระบีที่ขั้วแบตเตอรี่
8. ในการถอดขั้วแบตเตอรี่ ควรถอดขั้วขั้วลบก่อน
9. น้ำที่ใช้เติมในแบตเตอรี่ ควรใช้น้ำกลั่น
10. การเติมน้ำกลั่นควรให้อยู่ระหว่างขีดที่กำหนดของแบตเตอรี่
11. ขณะขับรถไฟเตือนสีแดงไม่ควรแสดงอยู่บนแผงหน้าปัด
12. คราบขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่เกิดจากสาเหตุน้ำกรดทำปฏิกิริยากับอากาศ
13. แบตเตอรี่รถยนต์มีหน้าที่เก็บรักษาไฟฟ้าและจ่ายกระแสไฟ
14. แบตเตอรี่รถยนต์จะมีขนาดแรงดันไฟฟ้า12 โวลท์
15. ไดสตาร์มีหน้าที่ทำให้เครื่องยนต์ติด
16. ความตึงของสายพานพัดลมและไดชาร์ทที่ถูกต้องควรมีระยะ 5-15 มิลลิเมตร
17. ขณะขับรถไปได้ระยะหนึ่งปรากฏว่าไฟเตือนสีแดง แสดงเกิดจากไดชาร์ทชำรุด
18. การเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ควรเติมให้ท่วมแผ่นธาตุประมาณ 1 นิ้ว
19. ไดชาร์จทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าในรถยนต์
20. ท่านควรเติมน้ำมันเชื้อเพลิงรถเครื่องยนต์เบนซินเติมที่มีค่าออกเทนตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถ
21. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ คือน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล
22. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมีค่าออกเทนสูงสุดคือ ออกเทน 95
23. ในการตรวจเช็คน้ำมันเชื้อเพลิงในห้องเครื่องยนต์เราควรตรวจสภาพของท่อน้ำมันและรอยรั่วซึมเป็นหลัก
24. หากท่านเติมน้ำมันผิดประเภทควรทำการเปลี่ยนถ่ายออกทันที
25. หากท่านตรวจพบว่าท่อน้ำมันเริ่มมีรอยน้ำมันซึมออกมาท่านควรทำการเปลี่ยนท่อใหม่
26. หากรถของท่านเกิดท่อน้ำมันรั่วท่านควรทำการดับเครื่องยนต์และไม่ควรขับรถต่อไปเนื่องจากอาจเกิดไฟไหม้ได้
27. ไม่ควรเติมน้ำมันหล่อลื่นลงไปผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง
28. เครื่องยนต์เบนซินกับเครื่องยนต์ดีเซลมีข้อแตกต่างกัน คือเครื่องยนต์เบนซินใช้หัวเทียนในการจุดระเบิด
29. ในกรณีที่รถให้ใช้น้ำมันออกเทน 95 เท่านั้น ถ้าหากเราเติมน้ำมันค่าออกเทน 91 จะมีผลคือ เครื่องยนต์เกิดการสะดุด (น๊อก)
30. ในกรณีที่เติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่าในคู่มือ การใช้งานจะไม่มีผลต่อเครื่องยนต์
31. ในขณะที่ท่านเติมน้ำมันเชื้อเพลิงท่านควรดับเครื่องยนต์
32. การตรวจเช็ครอยรั่วซึมระบบเชื้อเพลิงท่านควรใช้จากการสังเกตและการดมกลิ่น
33. หากท่านใช้ก๊าชธรรมชาติ CNG จะมีผลทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าการใช้น้ำมัน
34. น้ำมันเบนซิน E85 หมายความว่ามีส่วนผสมของเอทานอล 85 ส่วน
35. น้ำมันน้ำมัน E85มีการระเหยเร็วมากกว่า น้ำมัน E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมัน 95
36. รถเครื่องยนต์ดีเซลหากมีสัญญาณเตือนในระบบกรองดักน้ำ ท่านควรถ่ายน้ำออกจากกรองดักน้ำ
37. รถเครื่องยนต์ดีเซลหากมีควันดำมากผิดปกติเกิดจากสาเหตุกรองอากาศตัน
38. หน้าที่ของน้ำมันเครื่องไม่สร้างความหนืดให้กลับเครื่องยนต์
39. การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยนต์ ควรต้องเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ด้วย
40. การตรวจเช็คระดับน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ตรวจเช็คที่ก้านวัดน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์
41. ขั้นตอนก่อนตรวจเช็คและเติมระดับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ที่ถูกต้องควรจอดรถบนพื้นราบ เช็คน้ำมันขณะยังไม่ติดเครื่อง หรือดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 10-15 นาที
42. วิธีการสังเกตรอยรั่วซึมของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ โดยสังเกตที่พื้นที่รถจอด และตามรอยต่อ หรือข้อต่อเครื่องยนต์
43. หากลมยางล้อหน้าด้านซ้ายอ่อนเวลาขับรถจะมีผล คือพวงมาลัยกินไปด้านซ้าย
44. ถ้าเติมลมยางอ่อนเกินไป จะมีผลกับยาง คือทำให้ดอกยางทางด้านข้างทั้งสองสึกหรอ
45. ถ้าเติมลมยางแข็งเกินไป จะมีผลกับดอกยางตรงกลางจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ
46. การตรวจสอบลมยางต้องตรวจอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
47. การเติมลมยางที่ถูกต้องควรเติมลมยางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่
48. โดยปกติการสลับยางควรสลับทุกๆ 10,000 กิโลเมตร
49. การเติมลมยางให้พอดีตามที่กำหนดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ยางระเบิด
50. ยางมีหน้าที่ช่วยยึดเกาะถนนไม่ให้ลื่นไถล
51. การเติมลมยางสำหรับรถยนต์ ควรปฏิบัติตามคู่มือการใช้รถ
52. ฝาปิดจุ๊บลมยางมีประโยชน์ในการป้องกันลมรั่วซึมและสิ่งสกปรกต่างๆ
53. การเปลี่ยนขนาดยางเล็กเกินไปจะเกิดผลเสีย คือทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนักลดน้อยลง
54. การเปลี่ยนขนาดยางใหญ่เกินไปจะเกิดผลเสีย คือทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
55. จากภาพด้านล่างตัวเลขสองตัวแรก "21" บ่งบอกถึงสัปดาห์ของปีที่ผลิตยาง
56. จากภาพด้านล่าง ตัวเลขสองตัวหลัง "13" บ่งบอกถึงปี ค.ศ.ที่ผลิต
57. 195/60 R 14 85H ตัว R หมายถึงโครงสร้างยางแบบเรเดียล
58. การตรวจความตึงของสายพานควรใช้มือกดที่กึ่งกลางสายพาน
59. กรองอากาศไม่เกี่ยวข้องกับระบบสายพาน
60. สายพานขาดไม่ใช่สาเหตุของสัญญาณแตรไม่ดัง
61. ขณะท่านขับรถ ถ้าได้ยินเสียงดังของเสียงยางรถเสียดสีกับถนน ถือว่าเป็นเสียงปกติ แต่ถ้าได้ยินเสียงดังที่เกิดจากเสียงสายพานหย่อย เสียงที่ดังจากที่ปัดน้ำฝน หรือเสียงคอมเพรสเซอร์แอร์ดัง ต้องรีบนำรถไปตรวจเช็ค
62. หากท่านไม่นำรถไปตรวจเช็คก่อนใช้งาน ผลเสียที่ตามมาคือ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถยนต์จะมากขึ้น
63. ถ้าเกิดเสียงดังแหลมๆ (เอี๊ยดๆ หรือ จี๊ดๆ) ดังจากห้องเครื่อง แสดงว่า สายพานหย่อน
64. หากพบว่าร่องสายพานไม่มี สายพานแตก กรอบหรือสายพานขาดครึ่งเส้นควรจะเปลี่ยนสายพาน แต่ถ้าหากพบว่าสายพานหย่อนไม่ใช่สาเหตุที่ควรจะเปลี่ยนสายพาน
65. เสียงไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉินและไฟถอยเป็นเสียงปกติจากรถ แต่เสียงเบรกดังแสดงว่ารถยนต์ผิดปกติ
66. แหวนลูกสูบหลวม การเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไปและเครื่องยนต์สึกหรอมากเป็นสาเหตุของการเกิดควันไอเสียสีขาว
67. ขั้วแบตเตอรี่หลวม น้ำมันเชื้อเพลิงหมดและมอเตอร์สตาร์ทเสียเป็นสาเหตุของการสตาร์รถไม่ติด
68. เครื่องยนต์ร้อนจัดมีสาเหตุมาจากน้ำในหม้อน้ำแห้ง สายพานพัดลดขาด น้ำมันเครื่องแห้ง เป็นต้น
69. ในขณะขับรถมีไฟเตือนสีแดงรูปแบตเตอรี่ปรากฏขึ้นที่แผงหน้าปัดแสดงว่า ไดชาร์ทชำรุด
70. เบรกมือควรใช้เมื่อหยุดรถขณะติดไฟแดง จอดรถบนทางลาดชันหรือหยุดรถบนทางลาดชัน แต่ไม่ควรใช้เมื่อขับรถลงทางลาดชัน
71. เบรกมือควรใช้จอดหรือหยุดรถบนทางลาดชัน
72. ควรหลีกเลี่ยงการใช้เบรกอย่างรุนแรงเมื่ออยู่ทางโค้ง
73. การกะระยะในการหยุดรถและเบรกอย่างนุ่มนวลเป็นวิธียืดอายุการใช้งานของผ้าเบรก
74. ยางรถยนต์ เกียร์ ระบบช่วงล่าง เป็นอุปกรณ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเบรกรถ
75. ถ้าไม่ปลดล็อคเบรกมือเมื่อรถเคลื่อนตัวจะรู้สึกว่ารถเร่งความเร็วไม่ขึ้น
76. เบรกเท้าจะทำงานทั้ง 4 ล้อใด
77. สีของน้ำมันเบรกที่มีคุณภาพคือสีเหลืองใส
78. สีของน้ำมันเบรกที่เสื่อมสภาพคือสีดำ
79. เบรกมือใช้ควบคุมล้อคู่หลังของรถ
80. เมื่อเหยียบเบรกแล้วเกิดเสียงดังเป็นเพราะ ผ้าเบรกหมดหรือหมดอายุ
81. ผ้าเบรกจะทำงานเสียดสีกับจานเบรกของรถยนต์
82. หน้าที่ของน้ำมันเครื่องยนต์ คือ ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์
83. หน้าที่ของน้ำมันเครื่องยนต์ ได้แก่ หล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่เพื่อลดการสึกหรอ ทำความสะอาดชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์
84. การเตรียมความพร้อมของรถยนต์ควรจอดรถยนต์บนพื้นราบและดับเครื่องยนต์ ก่อนการตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์
85. การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องยนต์ดูได้จากก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์
86. น้ำมันเครื่องยนต์ควรอยู่ในระดับ F ซึ่งเป็นระดับน้ำมันที่ดีที่สุด
87. ถ้าระดับน้ำมันเครื่องยนต์สูงเกินไปจะทำให้เกิดแรงดันสูงในห้องเครื่องยนต์ และมีควันขาว
88. ถ้าระดับน้ำมันเครื่องยนต์ต่ำเกินไปจะทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์สึกหรออย่างรวดเร็ว
89. เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถควรตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
90. น้ำมันเบรกควรเปลี่ยนทุก 1 ปี
91. คุณสมบัติของน้ำมันเบรก คือ ของเหลวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังจากแป้นเบรก
92. การตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องยนต์ คือ การดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาตรวจสอบ
93. ขณะขับรถเมื่อรู้สึกว่าพวงมาลัยจะหนักกว่าปกติแสดงว่าระดับน้ำมันเพาเวอร์ต่ำกว่ากำหนด
94. ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรกทุกปี
95. คุณสมบัติของน้ำมันเครื่องยนต์ ได้แก่ ช่วยหล่อลื่น ลดการเสียดสีและการสึกหรอ ป้องกันการเกิดสนิมในเครื่องยนต์ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
96. การตรวจสอบน้ำมันเครื่องยนต์ กระทำได้หลายวิธี เช่น สังเกตจากสี ปริมาณและความหนืด สิ่งเจอปน ซึ่งการดมกลิ่นไม่สามารถตรวจสอบได้
97. การเติมน้ำมันเครื่องควรเติมปริมาณเสมอขีดบนของก้านวัด
98. หม้อน้ำรถยนต์มีหน้าที่ระบายความร้อนของเครื่องยนต์
99. การเติมน้ำในหม้อพักน้ำควรเติมให้อยู่ระหว่าง Full กับ Low
100.อุณหภูมิเครื่องยนต์ที่ทำงานปกติควรอยู่ระหว่าง 80 -95 องศาเซลเซียส
101.ถ้าเครื่องยนต์ร้อนจัดควรเติมน้ำเมื่อเครื่องยนต์เย็นลง เปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน ปิดแอร์ เปิดหน้าต่างและจอดรถ แต่ไม่ควรเอาน้ำราดลงไปที่เครื่องยนต์จะทำให้เครื่องยนต์เย็น
102.ถ้าพัดลมหม้อน้ำเสียจะทำให้อุณหภูมิของน้ำและเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น
103.พัดลมหม้อน้ำมีหน้าที่ช่วยระบายความร้อนของหม้อน้ำ
104.ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำในกรณีเครื่องร้อนจัด
105.สภาพท่อยางหม้อน้ำเมื่อบีบแล้วมีความยืดหยุ่นแสดงว่ายังใช้งานได้ดี
106.ปั๊มน้ำรถยนต์มีหน้าที่ทำให้น้ำหมุนเวียนจากเครื่องไปยังหม้อน้ำแล้วไหลกลับเข้าเครื่องยนต์
107.การตรวจระดับน้ำในหม้อน้ำก่อนใช้งานทุกวันคือวิธีป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนจัด
108.การตรวจสอบลมยางล้อรถ จะต้องตรวจสอบทั้งสี่ล้อและล้ออะไหล่
109.อุปกรณ์ที่จำเป็นควรมีไว้ติดรถ ได้แก่ แม่แรง ไฟฉาย อุปกรณ์ดับเพลิง ยางอะไหล่ เป็นต้น
110.การตรวจเช็ครถก่อนใช้งาน ได้แก่ ตรวจการชำรุดของสัญญาณไฟโดยการเปิดไฟกระพริบรอบตัวรถ ตรวจวัดแรงดันลมยางเป็นประจำ เป็นต้น
111.การตรวจเช็คและบำรุงรักษาอุปกรณ์รถยนต์ ได้แก่ เติมน้ำมันเครื่องโดยเติมให้อยู่ระดับบนเสมอ ควรใช้น้ำกลั่นเติมลงในแบตเตอรี่ทุกครั้ง ควรตรวจสอบการรัดตรึงของหัวขั้วแบตเตอรี่ให้มีสภาพพร้อมใช้งานเสมอ
112.การตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์ ควรตรวจสอบหลังดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 10 นาที
113.ในการถอดขั้วแบตเตอรี่ ควรถอดขั้วลบก่อน
114..ระดับของน้ำมันเบรก หากอยู่ในระดับที่ต่ำจะมีโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุ
115.ไม่ควรเติมน้ำในถังพักหม้อน้ำให้เต็มถัง เพราะต้องสำรองเนื้อที่ในการขยายตัวของน้ำเมื่อเกิดความร้อน
116.ข้อควรปฏิบัติขณะขับรถ ได้แก่ ฟังเสียงเครื่องยนต์ทุกครั้งว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ควรอุ่นเครื่องยนต์ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ตรวจสอบระบบส่งกำลังทุกครั้งว่าใช้งานได้อย่างปกติหรือไม่
117.การตรวจสอบลมยางที่ถูกต้องควรใช้เครื่องวัดลมยาง
118.สาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดหรือติดยาก ได้แก่ แบตเตอรี่มีไฟไม่เพียงพอ น้ำมันเชื้อเพลิงหมด ฟิวส์ขาด เป็นต้น
119.การตรวจสอบลมยางที่ถูกต้องจะต้องทำเมื่อยางล้อรถมีอุณหภูมิต่ำ
120.น้ำกลั่นแห้งบ่อยครั้งจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานน้อยกว่าปกติ
121.หม้อน้ำซึมสังเกตได้จากการพบคราบน้ำยาหล่อเย็นบริเวณจุดที่ซึม
122.หากจะเติมน้ำในถังพักหม้อน้ำ ไม่ควรเติมน้ำบาดาล
123.วิธีการตรวจสอบความตึง-หย่อนของสายพานเครื่องยนต์เบื้องต้น สามารถทำได้โดยใช้นิ้วมือกดสายพานเครื่องยนต์
124.การตรวจสอบระบบไฟฟ้าในรถยนต์ ควรตรวจสอบไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา และไฟหน้าสูงต่ำ-ไฟหรี่-ไฟเบรก-ไฟส่องป้ายทะเบียนรถ
125.การเติมน้ำในถังพักหม้อน้ำ ควรอยู่ระหว่างเกณฑ์สูง-ต่ำ ที่กำหนดไว้ข้างถังพักน้ำ
126. สาเหตุที่ไม่ควรเติมน้ำในถังพักหม้อน้ำให้เต็มถัง เพราะต้องสำรองเนื้อที่ในการขยายตัวของน้ำเมื่อเกิดความร้อน
อย่าลืม! อ่าน ตัวอย่างข้อสอบใบขับขี่ พร้อมเฉลย หมวดบำรุงรักษารถ และ แบบทดสอบออนไลน์ ข้อสอบใบขับขี่ (บำรุงรักษารถ) ที่ควรอ่านก่อนสอบใบขับขี่ รับรองผ่านฉลุย!
อ่านเพิ่มเติม :